วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พระโอวาทปาฏิโมกข์

การไม่ทำบาปทั้งปวง
การทำกุศล (ความดี) ให้ครบถ้วน
การชำระจิตใจให้ผ่องใส
นี้เป็นคำสอนของพรพุทธเจ้าทั้งหลาย
ขันติ คือความอดทนอดกลั้น
เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง
ผู้รู้ทั้งหลายท่านกล่าวว่า พระนิพพานนั้นเลิศยิ่ง
ผู้ยังมุ่งร้ายผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต
ผู้เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ
การไม่ว่าร้าย การไม่ทำร้าย
การสำรวมในระเบียบวินัย การรู้จักประมาณในการบริโภค
รู้จักนั่งนอนในที่สงัด การหมั่นทำจิตให้สงบยิ่ง
ธรรม ๖ อย่างนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

มรรคปัญญา

" ในด้านปัญญาหลวงปู่จะสอนผู้ที่ดำเนินมรรคปัญญาว่า ธรรมทั้งหลายไหลมาจากเหตุ ให้กำหนดเหตุ รู้เท่าทันเหตุ เหตุดับลง จิตก็เป็นพุทโธ เพราะละเพราะวางเพราะถอดเพราะถอนเหตุแห่งธรรมดับลงแล้ว เหตุแห่งธรรมได้แล้ว จิตจึงเป้นพุทโธก็สบายเท่านั้น ผู้นั้นก็มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ อยู่ที่ใจ ใจเป็นพุทโธ ใจเป็นธัมโม ใจเป็นสังโฆ ก็สบายเท่านั้น นั้นแหล่ะคือที่สุดของวิบากกรม นั่นแหล่ะ คือที่สุดของวัฏฏะ"

--------- กายคือ ขาสอง แขนสอง ศีรษะหนึ่ง นี่แหล่ะคือศีลห้า ----------

ให้ลำบาก ยากทุกข์ สุขทีหลัง
คือคำสั่ง สอนจาก ปากหลวงปู่
นอนไม่หลับ ลองลง จงกรมดู
กินไม่รู้ รสอร่อย รอคอยไป
-----------------------------
หลวงปู่แหวน แสนห่วง ให้ปวงศิษย์
ทั้งห่างชิด เมื่อมา บูชาไหว้
จงจริงกาย จริงวา จาจริงใจ
นั่งนอนไหน น้อมนำ นึกคำเตือน
คำสอนหลวงปู่แหวน สุจิณโณ

ธรรมะ วาที

เอาความอดกลั้นเป็นบารมีธรรม
อาศัยความเพียร ละกายทุจริต ละวจีทุจริต ละมโนทุจริต
เอาอายตนะภายในคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นเครื่องกั้น
โดยตั้งความสัตย์เข้า ให้จริงกาย จริงวาจา จริงใจ
อดทนทั้งกาย อดทนทั้งวาจา อดทนทั้งใจ
บะบาปทางกาย ละบาปทางวาจา ละบาปทางใจให้หมด ก็จะเป็นสุข
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

คำสอนหลวงปู่แหวน สุจิณโณ --- ปัจจุบันธรรมเป็นธรรมโม

หัวเรื่อง : ปัจจุบันธรรมเป็นธรรมโม

แสดงวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๓

ความคิดทั้งที่เป็นอดีต อนาคต เมื่อเราคิดขึ้นมาพร้อมกันมันก็ดับ ท่านเจ้าคุณอุบาลี ท่านกล่าวว่า อดีตและอนาคตมันก็อันเดียวกันนั่นแหล่ะ ความตัวเดียวนี้แหล่ะอดีตและอนาคตก็อันนั้นแหล่ะ ปัจจุบันก็อันนี้แหล่ะ แต่ปัจจุบันนี้เป็นธรรมโม อดีตอนาคตเป็นธรรมเมา

เรื่องของสังขารทั้งหลาย มันปรุง มันแต่ง มันเกิด มันดับ อยู่นี้ มันแสดง เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อยู่นี้แหล่ะ สมควรจำต้นมันไว้ ต้นเหตุ อดีต อนาคต เป้นธรรมเมา ปัจจุบันเป็นธรรมโม จำไว้ให้แม่น น้อมเข้ามาสู่กายสู่ใจของตน น้อมเข้ามาในกายให้รู้แจ้งเห็นแจ้งจนเห้นเป็นโครงกระดูก

---------- ธรรมทั้งหลายก็ต้องรู้แจ้งกายนี้ รู้แจ้งใจนี้ จึงจะเป้นผู้รู้ --------------

เช่น พระภิกษุผู้เดินทางขณะออกบิณฑบาต ภาวนาไปก็น้อมกายนี้เข้ามา น้อมเข้ามาๆให้มันเห็นแจ้ง เห็นจนเป็นร่างกระดูก พอดีไปถึงบ้านหลังหนึ่ง ไปยืนหน้าบ้านหลังนั้น ขณะเดียวกัน สามีภรรยาเจ้าของบ้านนั้นแหล่ะเกิดมีปากเสียงกันขึ้น ภรรยาหลบออกจากบ้านไปเดินผ่านหน้าภิกษุนั้นไป สักครู่หนึ่งสามีก็เดินมา และถามพระภิกษุ ว่าพระคุณเจ้าเห็นสตรีเดินผ่านมาทางนี้บ้างไหม พระภิกษุตอบว่า ขณะที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่เห็นสตรีเดินผ่านมา มีแต่ร่างกระดูกผ่านไปเท่านั้น

ฝ่ายสามีจึงคิดในใจว่า ทำไมเราถามหาสตรีแต่พระคุณเจ้าบอกว่าร่างกระดูกเดินผ่านไป

อันนี้แหล่ะ ท่านที่ทำได้กำหนดได้ ทำให้เกิดกำลังกายกำลังใจ เมื่อกำหนดได้เช่นนี้ก็จะวางหมด ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเนื้อหนังมังสา เห็นแต่สักว่าร่างกระดูก มีตับไต ไส้พุงอยู่ภายใน นี้แหล่ะการพิจารณากาย พิจารณาใจ ให้รู้แจ้งเห็นแจ้ง อยู่ภายใจอย่างนี้

ถ้าว่าตามหลักปริยัติธรรมแล้วมันมากมาย แต่ก็เอาของเก่านี้แหล่ะ กลับไปกลับมา เล่นของเก่าอยู่นี้แหละกลับไปกลับมา ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องอาให้แจ้งรู้รอบสังขาร เมื่อรู้รอบสังขารแล้วจึงดับตั้นเหตุมันได้ รู้เท่าทันสังขาร สังขารทั้งหลายดับไปหมด ใจมันก็สงบลงไป รู้ธรรมเป็น นะ ก็ว่าเป็นธรรมก็ได้ เป็น นะโม ก็ว่า

-------- อตีตา ธรรมเมา อนาคตา ธรรมเมา ปัจจุบัน เป็นธรรมโม --------

ตั้งหลักอย่างนี้ไว้เสียก่อน ถ้าเพลิดเพลินหลงไปให้ยกขึ้นพิจารณา อดีตเป็นธรรมเมา ปัจจุบันธรรมโม มันหลงของเก่านี้แหล่ะ ทำเข้าไปให้จิตมีกำลัง ถ้าจิตยังไม่มีกำลัง ดูประหนึ่งว่าการทำนี้มันลำบาก

บุคคลผู้ปกครองคนหมู่มาก ซึ่งแต่ละคนก็มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน ทั้งสิ้น ละความชั่ว เอาไปๆเวลามันหลง ต้องจำที่ต้นเหตุคือตัวสังขาร มันมักจะเป็นอตีตาธรรมเมา อนาคตาธรรมเมา ปัจจุบันเป็นธรรมโม


ที่มา : หนังสือชีวประวัติ ปฏิปทา พระธรรมเทศนา พระคุณเจ้าหลวงปู่แหวน สุจิณโณ พระอรหันต์แห่งดอยแม่ปั๋ง